นศ.คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น ราชมงคลพระนคร นำ 25 ผลงาน ร่วมโชว์วันเปิดงาน BIFW 2025 มุ่งเสนอแฟชั่นสะท้อนอัตลักษณ์ชุมชนท้องถิ่น-แฟชั่นเชิงนิเวศที่เน้นความคิดสร้างสรรค์
Bangkok International Fashion Week 2025 (BIFW 2025) – Visionary Stage at Siam Center จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นเวทีในการส่งเสริมศักยภาพนักศึกษาจากสาขาออกแบบแฟชั่นได้แสดงความสามารถ และได้สัมผัสประสบการณ์ระดับมืออาชีพ โดยในปีนี้สยามเซ็นเตอร์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และเอปสัน ประเทศไทย (Epson Thailand) นำเสนอคอลเลกชัน Siam Center X ททท. ตอน Thai Creative Experience ซึ่งได้นำผ้าไทยท้องถิ่น จากหลายจังหวัดมาเป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบ สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยในการส่งเสริมนวัตกรรมแฟชั่นไทยและการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งมีนักออกแบบรุ่นใหม่จาก 12 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยมาแสดงผลงาน สำหรับคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ราชมงคลพระนคร) ได้รับเกียรติให้นำผลงานของนักศึกษาร่วมโชว์ในวันเปิดงานครั้งนี้ จำนวน 23 ชุด พร้อมกับคอลเลคชั่นพิเศษ 2 ชุด ที่ทาง เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย และ โยชิ-รินรดา ธุระพันธ์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ และถ่ายทอดผลงานบนรันเวย์ในรอบโชว์เปิดงาน โดยนำเสนอเอกลักษณ์ของ จังหวัดบุรีรัมย์ ผ่านแรงบันดาลใจจาก ผ้าซิ่นตีนแดง และปราสาทหินพนมรุ้ง นอกจากนี้ ยังมีผลงานของนักศึกษาที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานภายใต้แนวคิด Circular Economy เพื่อถ่ายทอดแฟชั่นแห่งอนาคตผ่านมุมมองของความยั่งยืน โดยการนำขยะแฟชั่นและวัสดุรีไซเคิล มาต่อยอดเป็นผลงานแฟชั่นร่วมสมัยที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและงานหัตถกรรมไทยอย่างสร้างสรรค์ หนึ่งในผลงานที่น่าสนใจ คือ ผลงานของนางสาวอังคนา ปัญญาดี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่น
นางสาวอังคนา ปัญญาดี เล่าว่า ผลงานครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในเกมออนไลน์ ผสมผสานกับแนวคิดเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ด้วยการนำวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมแฟชั่นกลับมาสร้างสรรค์ใหม่ให้เกิดมิติทางศิลปะ และสร้างสรรค์เทคนิคสิ่งทอด้วยการสร้างพื้นผิว (Texture) ใหม่ให้กับชุด พร้อมเพิ่มลูกเล่นด้วยการเพ้นท์สีด้วยมือ เพื่อให้เสื้อผ้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสะท้อนแนวคิดแฟชั่นเชิงนิเวศที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังนำเสื้อผ้ามือสองและผ้า Dead Stock กลับมาใช้ใหม่ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ความท้าทายของการสร้างสรรค์คอลเลกชันนี้อยู่ในส่วนการปรับโครงสร้างของผ้าเก่าให้กลายเป็นผลงานใหม่ที่มีความร่วมสมัย เอกลักษณ์ และสอดคล้องกับแนวโน้มแฟชั่นโลก (Fashion Trend) แต่ยังคงแนวคิดของ Circular Design ที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเคารพต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นต้องอาศัยทักษะด้านการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคนิคหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การดัดแปลงโครงสร้างเสื้อผ้ามือสอง (Upcycling) เพื่อให้เกิดรูปลักษณ์ใหม่ที่ร่วมสมัย และการใช้เทคนิค Fabric Slashing ซึ่งเป็นการสร้างพื้นผิว (Textile Surface) ให้กับผ้า โดยการซ้อนเลเยอร์ของวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมแฟชั่น แล้วทำการเย็บติดเป็นแนวเส้นหรือรูปร่างต่าง ๆ ก่อนจะตัดตามแนวรอยเย็บ เพื่อให้เกิดมิติและลวดลายใหม่บนผืนผ้าอย่างมีศิลปะ นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคเพ้นท์สีและลงลายมือ (Hand Painting) เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับชิ้นงาน ที่สำคัญคือการประยุกต์ใช้ทักษะการออกแบบเชิงวิเคราะห์ ทั้งด้านโทนสีที่ผสมผสาน (Color Coordination) และองค์ประกอบศิลป์ (Composition) เพื่อให้ผลงานมีความกลมกลืน สอดคล้องกับแรงบันดาลใจ และมีจุดเด่นที่สามารถถ่ายทอดแนวคิดของแฟชั่นเพื่อความยั่งยืนได้อย่างสร้างสรรค์
“เสื้อผ้าที่มีอายุการใช้งานสั้น เสื่อมสภาพเร็ว หรือกลายเป็นขยะแฟชั่น ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์อย่างรวดเร็ว ในฐานะดีไซเนอร์ผู้ออกแบบชุดแฟชั่นครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างพลังแห่งความยั่งยืน โดยที่ความยั่งยืนของแฟชั่นเริ่มต้นจากตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างสรรค์หรือผู้บริโภค ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนแฟชั่นไทยสู่ความยั่งยืนได้ ผ่านการเลือกใช้วัสดุอย่างรับผิดชอบ การออกแบบอย่างมีคุณค่า และการมองเห็นความงามในสิ่งที่มีอยู่แล้ว การสร้างสรรค์แฟชั่นในยุคใหม่จึงไม่ใช่เพียงการผลิตเสื้อผ้า แต่คือการออกแบบ แนวคิด วิถีชีวิต และจิตสำนึก ที่เชื่อมโยงระหว่างความงามกับความรับผิดชอบต่อสังคม” อังคนา ปัญญาดี กล่าวทิ้งท้าย
ฉวีวรรณ/ข่าว